ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2534 : 90) กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วเมื่อผู้วิจัยตัดสินใจจะทำการวิจัยเรื่องใด ผู้วิจัยมักจะคาดหวังผลบางอย่างจากการวิจัยไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งนี้โดยอาศัยประสบการณ์ การสังเกต ทฤษฎี หรือผลงานวิจัยที่มีมาก่อนเป็นหลัก การทำนั้นการวิจัย การทำวิจัยก็คือการศึกษาเพื่อดูว่า สิ่งที่คาดหวังนั้น จะเป็นจริงหรือไม่จริงตามความคาดหวัง
ไพศาล วรคำ (2532 : 81) กล่าวว่า คำตอบที่คาดคะเนไว้สำหรับปัญหาเชิงวิจัยอันหนึ่งอันใด โดยที่ยังมิทันทดสอบว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีเหตุผลบางประการที่ชวนให้คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
ประดอง กรรณสูต (2529 : 3) กล่าวว่า สมมติฐานเป็นข้อเสนอเงื่อนไขหรือหลักการสมมติฐานที่อาจไม่เป็นจริงก็ได้ หน้าที่ของสมมติฐานก็คือ ช่วยชี้แนวทางในการค้นหาข้อเท็จจริง ความคิดซึ่งมีอยู่ในสมมติฐานอาจเป็นคำตอบของปัญหาที่มีอยู่แล้ว หรืออาจไม่เป็นก็ได้ ความคิดต่างๆที่สมมติฐานเสนอแนะไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป อย่างไรก็ตามการวิจัยที่เริ่มต้นด้วยสมมติฐานที่แน่นอน ย่อมช่วยผู้วิจัยในการวางแผนเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดียิ่งขึ้น
สรุป
สมมติฐาน (Hypothesis) หมายถึง คำตอบที่คาดคะเนไว้สำหรับปัญหาเชิงวิจัยอันหนึ่งอันใด โดยที่ยังมิทันทดสอบว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีเหตุผลบางประการที่ชวนให้คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องโดยมีหลักการและทฤษฎีต่างๆรองรับ ซึ่งการคาดการณ์หรือการคาดคะเนของผู้วิจัยนี้อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ นอกจากนี้สมมติฐานยังช่วยจำกัดขอบเขตของการศึกษาวิจัยให้มีความเฉพาะเจาะจงและรัดกุมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่มา
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2534). การวิจัยทางการศึกษา : หลักและวิธีการสำหรับนักวิจัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัย.
ไพศาล วรคำ. (2532). การวิจัยทางการศึกษา. กาฬสินธุ์ : โรงพิมพ์ประสานการพิมพ์.
ประดอง กรรณสูต. (2529). สถิติเพื่อการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. ปทุมธานี : ศูนย์หนังสือดร.ศรีสง่า จำกัด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น